สำหรับคนที่กำลังปรับปรุงหรือสร้างบ้านใกล้จะสำเร็จเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว งานโครงสร้างหลักของบ้านเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเกือบเสร็จสมบูรณ์ เหลือเพียงขั้นตอนส่วนตกแต่งจิปาถะต่างๆ ที่แม้จะเป็นงานที่ดูยิบย่อย แต่ก็อย่าได้มองข้ามความสำคัญไปเสียเพราะต้องใช้เวลาและความใส่ใจไม่แพ้กัน จุดนี้เราจะมาโฟกัสไปที่กระเบื้องปูพื้นถึงเทคนิคเคล็บลับต่างๆ ในการเลือกซื้อหามาใช้งานเพื่อบ้านที่งดงามของคุณ
1. ควรเลือกกระเบื้องที่มีความหนาเสียหน่อย กระเบื้องปูพื้นควรมีความหนามากกว่ากระเบื้องปูผนัง เพื่อการรองรับน้ำหนักจากการเดินเหยียบให้ได้มากขึ้น กระเบื้องที่ต้องปูติดกับพื้นบ้านผิวหน้าควรจะเคลือบด้านหรือมีความสากเล็กน้อยสำหรับป้องกันการลื่นไถลเวลาเดิน
2. ขนาดสัดส่วนของกระเบื้องปูพื้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกขนาดกระเบื้องให้สัมพันธ์กับการใช้งานในห้องนั้นๆ เช่น กระเบื้องปูพื้นขนาด 12 x 12 ตารางนิ้ว เหมาะสำหรับปูห้องโถงทั่วไป ขนาดใหญ่พอเหมาะ ไม่เป็นตารางถี่มากนัก ส่วนห้องน้ำก็เลือกใช้กระเบื้องขนาดเล็กลงมา เพิ่มตารางความถี่ให้เป็นเหมือนเพิ่มพื้นที่ผิวหยาบเพื่อลดอุบัติการณ์เดินลื่นล้มในห้องน้ำ หันมาใช้กระเบื้องปูพื้นขนาดประมาณ 8 x 8 ตารางนิ้วก็เพียงพอ
3. สีกระเบื้องที่สวยงามและเหมาะสมกับพื้นที่การใช้งาน นอกจากจะเลือกสีให้สวยงามตามความชอบของคุณแล้ว ควรเลือกให้ตอบโจทย์ความเหมาะสมกับลักษณะของพื้นที่การใช้งานแถมไปด้วย ก็จะได้ประโยชน์เป็น 2 เท่า สีโทนอ่อน
4. ลวดลายกระเบื้อง นอกจากโทนสีและขนาดแผ่นกระเบื้องแล้ว ลวดลายบนแผ่นกระเบื้องในปัจจุบันก็มีลวดลายให้เราเลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งลายรูปร่างที่ต่อเนื่องกันเป็นชุดใหญ่ ลายที่เลียนแบบพื้นผิวตามธรรมชาติ จนไปการออกแบบลวดลายเฉพาะตามที่คุณต้องการก็สามารถทำได้
ลวดลายขนาดใหญ่
มักเป็นลวดลายที่ไม่มีความต่อเนื่อง จบลวดลายไว้ใน 1 แผ่น มักจะใช้ผสมผสานกับกระเบื้องลายเรียบ เพื่อเพิ่มจุดสนใจให้กับพื้นที่ เราจึงไม่ควรเลือกให้กระเบื้องที่มีลวดลายใหญ่ทั้งหมดในพื้นที่ที่ต้องการพักผ่อน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน เพราะลายกระเบื้องจำนวนมากๆ จะทำให้เราลายตา น่าเวียนหัวจนเกินไป
ลวดลายขนาดเล็ก
มักเป็นรูปแบบของลายที่ต่อเนื่อง ต้องใช้กระเบื้องหลายแผ่นถึงจะได้ลายที่กำหนดไว้ เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความสวยงามเป็นพิเศษ หรือห้องที่ต้องการโชว์ความสวยงามให้แก่เพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมเยียน เช่น โถงรับแขก ห้องน้ำ ระเบียง
กระเบื้องปูพื้นลายไม้สัก เลียนแบบพื้นผิวแบบธรรมชาติ
ภายใต้ความสวยงามของกระเบื้องปูลายไม้ ยังมีคุณสมบัติซ่อนอยู่มากมายที่หลายคนอาจจะยังไม่สามารถ ยังมีความคงทน ดูแลรักษาง่าย ไม่ดูดซับความชื้น ไม่ขยายตัวหรือโก่งงอในสภาพอากาศร้อนหรือชื้นจนเกินไป ไม่สึกหรอจากการทำความสะอาดเป็นประจำ และสามารถรับน้ำหนักได้ดี กระเบื้องปูพื้นลายไม้สักสามารถนำไปปูระเบียง ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องครัว

5. เลือกซื้อเกรดคุณภาพของกระเบื้องตามท้องตลาด ตามทั่วไปนั้นกระเบื้องปูพื้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกรดหลักด้วยกัน คือ
กระเบื้องปูพื้นแบบมาตรฐาน สภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยตำหนิ สีเรียบเสมอกันทั้งแผ่น หรือจะรู้จักกันทั่วไปว่า กระเบื้องปูพื้นเกรดเอ
กระเบื้องปูพื้นแบบมีตำหนิ สภาพไม่สมบูรณ์ 100% มีตำหนิอยู่บ้างแต่ไม่มีเกิน 3 จุดและสังเกตได้ยาก เรียกว่า กระเบื้องปูพื้นเกรดบี
กระเบื้องเกรดบีที่มีตำหนิอาจจะนำมาใช้ปูในห้องที่ไมได้โชว์พื้นผิวการใช้งานหรือลวดลายเป็นหลัก อย่างห้องเก็บของหรือส่วนที่มาได้โชว์ภายในบ้าน แต่ส่วนใหญ่เราก็คงต้องมองหากระเบื้องเกรดเอมาใช้งานปูพื้นให้กับบ้านของเราอยู่แล้ว โดยเฉพาะการเลือกซื้อกระเบื้องปูพื้นจำนวนมากเพื่อใช้ในห้องเดียว ควรตรวจสอบมาตรฐานของกระเบื้องปูพื้นให้ดีว่ามีรอยตำหนิหรือสีเรียบเสมอกันหรือไม่ เพราะถ้ามีตำหนิก็จะเห็นเด่นชัดอยู่ในห้อง และควรกะจำนวนเผื่อในกรณีเกิดความเสียหายระหว่างปูหรือซ่อมแซมในภายหลังด้วย
เทคนิค^^
สำหรับท่านที่อาจกำลังมีช้อยส์เลือกใช้กระเบื้องยางปูพื้นห้องอยู่ในใจ เรามีข้อเปรียบเทียบการใช้งานระหว่างกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องยางมาให้พิจารณากันครับ กระเบื้องเคลือบ มีความสวยงาม คงทน พื้นผิวสามารถทนต่อการกัดกร่อนของกรดและรอยด่างได้อย่างดี ดูแลรักษาง่าย เวลาเดินอาจจะเกิดเสียงดัง และเมื่อน้ำหกลงบนพื้นกระเบื้องจะลื่นมาก ส่วน กระเบื้องยาง นั้นเมื่อใช้ไปนานๆ มักจะเกิดรอยขีดข่วนง่าย ลดความสวยงามลงไป ไม่ทนต่อกรดและด่าง เมื่อเปื้อนแล้วทำความสะอาดยาก ในขณะที่กระเบื้องยางมีผิวสัมผัสนิ่ม เวลาเดินจะไม่เกิดเสียงดัง นิยมใช้ปูพื้นในห้องนั่งเล่นหรือในห้องนอน
